การปฏิวัติทางการเมืองในยุโรปและอเมริกา
ประชาธิปไตยในอังกฤษ
คำสำคัญ
1.
แมกนาคาร์ตา 2.
การปฏิวัติอันรุ่งโรจน์ 3. Reform Bill
คำถามชวนคิด
เพราะเหตุใดการปฏิวัติในอังกฤษจึงเป็นการปฎิวัติโดยไม่เสียเลือดเนื้อ
การปฏิวัติในอังกฤษ
อังกฤษเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่บทของประชาธิปไตย
ลักษณะการปกครองของอังกฤษ ถือได้ว่าเป็นแบบสถาบันกษัตริย์โดยรัฐธรรมนูญ (Constitutional
monarchy) และประชาธิปไตยโดยรัฐสภา
การพัฒนาการเมืองของอังกฤษมาเป็นระบอบประชาธิปไตย เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายสมัยกลาง
กล่าวคือ ใน ค.ศ. 1215 ขุนนางบีบบังคับให้พระเจ้าจอห์นที่
5 ยอมรับใน
กฏบัตรแมกนาคาร์ตา (Magna Carta) ซึ่งจำกัดพระราชอำนาจของกษัตริย์อังกฤษ
อย่างไรก็ตามกษัตริย์อังกฤษหลายพระองค์พยายามที่จะหลีกเลี่ยงและละเมิดกฏบัตรดังกล่าว
หลังจากสงครามกลางเมือง
(Civil War) ค.ศ.1642-1649
กษัตริย์อังกฤษพระเจ้าชาร์ลสที่ 1 ถูกสำเร็จโทษ
อังกฤษปกครองระบอบสาธารณรัฐชั่วระยะเวลาหนึ่ง(ค.ศ. 1649-1659)โดย โอลิเวอร์ ครอมเวลล์
มีการปราบผู้ที่ไม่เห็นด้วย
ถือว่าเป็นยุคแห่งความหวาดกลัว
เกิดความขัดแย้งระหว่างกลุ่ม
เกิดการสู้รบนองเลือดจนมีการประกาศยกเลิกระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของอังกฤษยุบสภาโอลิเวอร์
ครอมเวลล์
เสียชีวิตลงรัฐสภาได้ฟื้นฟูระบบกษัตริย์ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งโดยเชิญกษัตริย์ในราชวงศ์สจ๊วตมาปกครอง
การปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์อย่างถาวรเกิดขึ้นใน
ค.ศ. 1688 เนื่องจากพระเจ้าเจมส์ที่ 2
ไม่ยอมรับอำนาจรัฐสภา
รัฐสภาร่วมมือกับประชาชนต่อต้านจนพระเจ้าเจมส์ที่ 2
ต้องสละราชสมบัติและมีการสถาปนาพระเจ้าวิลเลี่ยมที่ 1 แห่งฮอนแลด์(
เมื่อมาปกครองที่อังกฤษเปลี่ยนเป็นพระเจ้าวิลเลี่ยมที่ 3 ) ร่วมกับพระนางแมรีที่ 2
การปฏิวัติในครั้งนี้ได้มีการประกาศ พระราชบัญญัติว่าด้วยสิทธิ(Bill
of Rights ค.ศ. 1689) ที่ย้ำถึงสิทธิและเสรีภาพที่ชาวอังกฤษควรมีได้รับเท่าเทียมกันและอำนาจของรัฐสภามีเหนือสถาบันกษัตริย์
ซึ่งท้ายที่สุดได้เกิดการปฏิวัติอันรุ่งโรจน์(Bloodless Revolution หรือ Glorious
Revolution) โดยไม่มีการเสียเลือดเนื้อ
ถือว่าเป็นการสิ้นสุดระบบการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
อังกฤษได้พัฒนามาสู่ระบอบประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์เมื่อมีการประกาศใช้พระราช
บัญญัติปฏิรูป (Reform Bill )
ใน ค.ศ. 1832 และ ค.ศ. 1867 ซึ่งขยายสิทธิการเลือกตั้งให้กับสามัญชน
และการเพิ่มอำนาจและบทบาททางการเมืองของสภาสามัญให้มากขึ้น
สรุป อังกฤษได้วางรากฐานการปกครองไว้ 3 ประการ คือ
1. การมีรัฐบาลโดยได้รับความยินยอมพร้อมใจ
2. การมีตัวแทนของประชาชน
3. การมีกฎเกณฑ์ของกฎหมายโดยรัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของอังกฤษ
เป็นรัฐธรรมนูญที่มิได้มีการเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นทางการฉบับเดียวที่แน่นอน ดังเช่นในประเทศอื่นๆ บางส่วนเป็นกฎหมายที่ออกตามสถานการณ์
เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ หรือเป็นกฎที่มาจากการปฏิบัติที่เป็นประเพณีสืบกันมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น